สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                                              Diarrhea    

                                                                      ตอนที่ 5

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

   

          ไม่รู้ว่ามันเกิดจากกลัวสงครามอีรัคหรือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะอาจจะถูกออกจากงาน ทำให้คนไทยที่แอลเอนี่เกิดความกังวล หวาดหวั่น ผวา ระแวง อารมณ์ที่ยับยั้งไม่อยู่แปลเป็นภาษาอังกฤษก็คงว่า Anxiety, Agitated, Panic, Paranoia, Burst of Excitement ผมคงต้องตั้งชื่อว่า Pre-war Stress Syndrome เลยเกิดมีเหตุการณ์ Excrement Smearing Contest กันขึ้นที่สถานกงสุล ต่อหน้ากงสุลใหญ่ เล่นเอาทุกคนต้องหลบหน้าปิดจมูกกันตาม ๆ กัน นอกนี้ยังมีเรื่องนายจ้างเกาหลีรังแกคนงานไทยเกิดขึ้นที่อเมริกานี่ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่อ้ายเกอเมริกันถึงไม่รู้กัน

          อาการผิดปรกติพวกนี้ ภาษาไทยคงเรียกว่า ประสาทแดก หรือ Neurosis ตามภาษาฝรั่งเขา ถ้าอาการพวกนี้เกิดด้วยการแสดงทางการประพฤติ ก็ดังพฤติกรรมที่กล่าวข้างต้น แต่ถ้ามันไม่แสดงออกทางการแสดงออก มันก็มาสำแดงในระบบย่อยอาหารก็จะออกมาอีกแบบหนึ่ง จริง ๆ นะครับเขาเรียกว่า ประสาทแดกกระเพาะลำไส้ สถิติบอกว่ามีคนเป็นถึง 15% คือทุกคนในหกคนจะมีอาการประสาทแดกของกระเพาะลำไส้ แต่โดยมากไม่ยอมไปหาหมอ แล้วเวลาไปหาหมอก็เพราะอาการของโรคอื่นแล้วก็เอาโรคนี้ไปปนกับโรคอื่น เช่นตอนเป็นไข้หวัดใหญ่ หมอก็เลยเละ คิดว่าเป็นโรคกระเพาะลำไส้ติดเชื้อเพราะเป็นมานาน แถมมีไข้ ไอแบบรุนแรง ปวดเมื่อยปวดตัว มีอาเจียน ท้องเดิน หมอเลยให้ยาจำพวก Erythromycin ให้กิน  กันปอดบวม แต่บางคนเกิดมีอาการข้างเคียงจากยาตัวนี้ ขี้ไหลมากครั้ง เลยไม่สามารถวิเคราะห์ให้ถูกต้องรู้กันสักโรค พอสักอาทิตย์โรคหวัดหาย แต่อาการขี้ไหลก็ยังอยู่ หมอก็เลยเหมาว่าเป็น Intestinal Flue เรียกว่าเละไปเลย (หมายถึงกางเกงในเปื้อนขี้)

          เวลาจะไปหาหมอเกี่ยวกับโรคนี้ อย่าได้เอาโรคอื่นไปเล่าให้หมอฟัง คิดว่าจะประหยัดค่ารักษา ไหน ๆ หาหมอทีรักษามันห้า หกโรคทีเดียวเลย หมอเลยไม่เคยวิเคราะห์ได้ถูกต้องและรักษาให้ทุเราได้ (โรคนี้รักษาไม่หายหรอกครับถ้าจิตยังไม่ว่าง) โดยมากประสาทแดกแบบนี้จะมีอาการหลายอย่าง ก็เพราะจากกะเพาะไปจนถึงทวารหนัก เพราะกระเพาะและลำไส้ต่อกันมีระยะทางยาวมากครับ มันก็มีอาการหลาย ๆ อย่าง จะมาฆ่าตัดตอน กันเล่น ๆ เหมือนตำรวจไทยทำกันไม่ได้ กระสุนลูกเดียว รักษาทุกอย่าง ดังนั้นอาการกลุ่มประสาทแดกกะเพาะและลำไส้ เขาเลยเรียกว่า Functional Gastrointestinal Disorders ฟังแล้วมันสะใจดี แล้วเขาก็มาแยกฝอยออก คือ เจ็บหน้าอกโดยไม่ใช่โรคหัวใจ Non-cardiac chest pain, Functional dyspepsia อาการท้องอืดแน่น เหมือนอาหารไม่ย่อย Irritable Bowel syndrome พวกนี้ปวดท้องบ่อย ๆ อาจท้องเดิน ท้องอืด ท้องผูก และ Proctalgia Fugax ปวดก้นแถวตูด ปากเหม็น Halitosis และที่ละไม่ได้อีกโรคคือสะอึก Hiccup

War Anxiety จิตใจย่อมมีความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ต่อสงคราม อาจกลัว(ตาย)ถึงฆ่าตัวตายเสียก่อนก็มี ตื่นเต้น กังวลว่าอนาคตจะเป็นอะไร ส่วนคนต่างชาติที่เคยผจญกับความหายนะและความลำบากของมันมาก่อนจะเป็นเหมือนฝันร้ายที่เป็นจริง รัฐบาลก็เลยมีวิธีให้ปลดปล่อยให้จิตไม่ให้เป็นหนักกว่านั่น วิธีดีที่สุดคือให้เดินขบวนอย่างสันติ ให้ออกกำลังยกป้าย ร้องตะโกนตามที่ชุมนุม พอแหกปากและเดินเกือบทั้งวันก็เหนื่อย กลับบ้านก็ไม่คิดอะไร นอกจากหาของกิน แล้วก็นอน เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องไปทำงานหรือเรียน ส่วนคนไม่มีกรีนการ์ดก็กังวลต่อไป

ถ้าใครหาทางออกไม่ได้ ก็เอาความกดดันนั้นกลืนเข้าไปทางท้อง ก็ที่ผู้ใหญ่เคยเตือนว่าอย่าให้เครียดมาก เดี๋ยวก็กลายเป็นแผลกระเพาะอาหารเสียนี่ เหมือนที่ขุนทัพกังตั๋ง จิวยี่ ในเรื่องสามก๊ก ต้องกระอักเลือดตายคาที่ เพราะเจ็บใจแพ้เหลี่ยมของขงเบ้ง และต้องเสียเมืองเก็งจิ๋วไปเปล่า ๆ นักวิชาการแพทย์(จีน)คิดว่าเกิดจากการคิดมากในเรื่องต่อกร ต่อความฉลาดกับขงเบ้ง ก่อนจะกระอักเลือดยังตะโกนว่า "เมื่อมีจิวยี่มาเกิด ไฉนจะต้องมีขงเบ้งมาเกิดด้วยเล่า"

การเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ Peptic Disease เพราะมีน้ำย่อยของกระเพาะ Gastric Juice ซึ่งประกอบด้วยกรด Hydrochloric Acid และน้ำย่อย Pepsin ออกมาก เขาว่าไว้ว่า ปรกติน้ำย่อยนี้จะมีพอดี ๆ สำหรับย่อยอาหาร แต่เพราะความกดดันของจิตใจ (ตามความเข้าใจผิดของแพทย์สมัยก่อน) น้ำกรดและน้ำย่อยก็จะออกมาก ย่อยจนเนื้อเยื่อกระเพาะเปื่อยเป็นแผล โดยเฉพาะส่วนต้น ๆ ของลำไส้ที่เรียกว่า Duodenum เราเลยเรียกว่า Duodenal Ulcer และส่วนนี้จะเมื่อเป็นแผลและมีเส้นเลือดเล็กใหญ่ผ่านข้างใต้ พอแผลกินลึกเข้าไปอีกก็ไปกัดเอาเส้นเลือดแดงแตก อาเจียรออกมาเป็นเลือด อาจไม่หยุดจนทำให้ขาดเลือดตายได้ แต่สมัยนี้เขาพิสูจน์ว่าลำพังการคิดมากไม่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะแล้วครับ สบายใจได้แล้วครับ จะมีเมียน้อยกี่คนก็ได้ แค่คิดมากและแก้ปัญหาวุ่น ๆ เช่นว่าเมียน้อยคนไหนจะเอาเงินเราไปซื้อรถใหม่ แล้วเอาไปรับไอ้หนุ่มมานอนด้วย เพื่อสวมเขาให้เราตอนเราไม่อยู่อย่างนี้เป็นต้น แค่คิดสงสัยและกังวลอย่างนี้ มันไม่ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารได้หรอก ถ้ามีเงินเหลือเฟือ และเมียหลวงไม่รู้ ก็มีเข้าไปเถิดครับท่านผู้ชาย คิดว่าเสริมบารมี ส่วนที่จนกรอบอยู่แล้วยังอุตริจะมีเมียมาก มันก็เป็นกรรมแหละครับ

สาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร การรักษา และการกินอาหารมันแตกต่างไปจากที่ผมเรียนเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว สมัยนั้น ถ้าเป็นโรคกระเพาะอาหาร คือกินอะไรก็ปวดท้อง แม้จะไม่ได้ทำการเอ๊กซเรย์ ส่องด้วยกล้องในกระเพาะ คนไข้หรือหมอก็มักจะเอออวยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร (ที่แท้อาจจะจากสาเหตุอีกมากมายก็ได้ ) เรื่องการกินอาหารย่อมมาอันดับหนึ่ง น้ำชา กาแฟ เหล้า อาหารที่มีเครื่องเทศ ยิ่งพริกไทย พริกป่น ถือว่าอันตรายมาก น้ำเย็นก็ห้าม น้ำส้มก็ไม่ได้ ผลไม้บางอย่างกินได้ บางอย่างกินไม่ได้ ว่ากันให้เปรอะไปเลย ขนาดเขียนเป็นเล่มได้ กินอาหารต้องถูกเวลา อย่าให้หิว เรื่องจิตใจนั่นหรือครับ อย่าโมโห ห้ามมีอารมณ์ เรื่องเซ็กส์ก็ต้องยั้ง ๆ ไว้บ้าง เดี๋ยวน้ำย่อยอาหารจะออกมาก ทำให้เป็นแผลมากขึ้น เดี๋ยวเลือดจะออก

เรื่องยารักษาโรคกระเพาะสมัยนั้นอาจมีแต่ยาลดกรด เช่นพวกอลูมีเนี่ยม พวกแมกนีเซี่ยม พวกแคลเซี่ยม เป็นเม็ดหรือน้ำ ถ้ารักษาอย่างดีขนาดนี้แล้วยังไม่หายก็ต้องส่องกล้องดู กล้องส่องก็ใหญ่และแข็ง มองก็ไม่ชัด แถมไม่ขยายภาพด้วยเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรกว่าจะรู้ว่าเป็นแผล ถ้าเป็นจริงก็ต้องผ่า ตัดเอาแผลออก ซึ่งจะทำให้กระเพาะเล็กลง กินอะไรก็ไม่สะดวก กินนิดเดียวก็อิ่ม ต้องกินบ่อย ซึ่งเป็นการกันกรดเพิ่มขึ้นด้วย มีอาจารย์ผมคนหนึ่ง มองกล้องอีท่าไหนถึงยืนยันว่าเป็นแผลแน่ ๆ บอกว่าต้องผ่าเอาออก แต่พอผ่าเข้าไป กระเพาะเกลี้ยงเกลา ไม่มีแผลอะไรเลย คนไข้ก็เจ็บตัวไปเปล่า ๆ ดีว่าไม่ผ่าตัดเอากระเพาะออก ดูแผลกระเพาะในรูปภาพ

ระหว่างระยะเวลากว่าสามสิบปีก็มีการวิวัฒนาการวิธีหาสาเหตุของโรค การรักษา ยาก็ได้ปรับเปลี่ยนให้ถูกโรคมากขึ้น แน่นอนชื่อก็เรียกยากขึ้น การเป็นโรคกระเพาะถึงกับต้องผ่าตัดเกือบจะไม่ได้ยินเลย นอกจากจะกลายเป็นมะเร็งถึงต้องผ่าเอาออก

ผมจะเล่าถึงการรักษาโรคกระเพาะอาทิตย์หน้า ต้องรีบไปดูทีวี ว่ารถถังบุกเข้าเมือง Basra แล้วหรือยัง เรื่องอเมริกาจะผิดถูกผมไม่รู้ ปล่อยให้พระเจ้าเบื้องบนเป็นองค์ตัดสินเอาเองก็แล้วกัน

              

              กลับไป ตอนที่ 4                                                                                        อ่านต่อ ตอนที่ 6

                    

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2007 Chulalongkorn University Alumni Association of California