สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 

         

                                           Fourth of July 

                           วันประกาศอิสระภาพของอเมริกา                           

                                                                   ตอนที่ 2

                                                                                                          น.พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

 

เมื่ออเมริกาคิดจะแยกตัวจากอังกฤษ ก็เท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูกับอังกฤษ นั่นคือต้องมีสงครามสู้รบกันแหงแก๋ ไหนเลยอังกฤษจะปล่อยมือถอยตัวออกจากอเมริกาง่าย ๆ

ที่แท้ไม่ทุกเมืองขึ้นที่ลงชื่อในประกาศจะถอนตัวจากอังกฤษ มันมีเพียงสิบเอ็ดเมืองขึ้นเท่านั้นที่ลงสัตยาบาลกัน เพราะคนเมืองนิวยอร์คไม่ยอมเป็นกบฎต่อพระเจ้าจอร์จ ก็เพราะเป็นเมืองท่าค้าขายสำคัญของอังกฤษ แถมมีคนนิวยอร์คไปเรียนต่อเมืองนอกที่อังกฤษก็มาก หรือพวกที่เรียกตัวเองว่า ผู้ดี (ไม่รู้ว่าทุกคนได้ปริญญาดอกเตอร์หรือเปล่า ผมคิดว่าคงไม่เก่งเหมือนคนในเมืองไทยและแอลเอสมัยนี้ มีดอกเตอร์เดินชนกันที่ป้ายรถเมล์กันเกลื่อน) ส่วนเมืองแมรี่แลนด์ก็ยังลังเลใจอยู่

พวกกบฏอเมริกัน ใจนะสู้ แต่จะเอาอะไรไปสู้เขา เพราะชาวบ้านชาวเมืองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะสู้อังกฤษเขาได้ มัวแต่ลังเลใจ ก็เลยไม่มีคนจะสมัครเป็นทหาร ไม่มีเงินทองสนับสนุน นั่นคือไม่มีกองทัพไม่มีเสบียง ยุทโธปกร มีแต่กองทัพผี คือผีจากพวกที่เซ็นชื่อในคำสัตยาบาลที่จะต้องถูกแขวนคอแหง ๆ ถ้าถูกทหารอังกฤษจับได้ คนแรกที่จะถูกแขวนคอก็ต้องนาย John Hancock ละ อุตริเซ็นชื่อเสียตัวเบ่อเร่อเลยเป็นคนแรก แรกเป็นลายมือที่สวยที่สุดเสียด้วย

          เมื่อพวกกบฎนั่งคิดนอนคิดอยู่หลาย ๆ วัน ก็สรุปได้ว่า เราจะ 1. ต้องให้ชาวบ้านชาวเมืองเสียสละเข้าร่วมด้วย 2. ต้องมีทรัพย์สินไว้มาก ๆ เงินทองนี่ใช้ทำอะไรได้หลายอย่าง 3. ต้องมีผู้นำที่เสียสละ ไม่กินนอกกินใน ฉลาด อดทนมาก ๆ และให้เป็นผู้นำกองทัพ ไม่ใจน้อยเก่ง และไม่ให้เมียเข้ามานั่งเป็นหัวหน้าในการประชุม และด่าลูกพรรคของตัวเองว่า หุบปาก 4.ต้องมีต่างประเทศยักษ์ใหญ่ที่เขาจะมายอมรับเรา และสนับสนุนเรา และยอมขัดใจกับประเทศอังกฤษ

มันเป็นความสามารถของหัวหน้ากบฎที่มีความคิดที่มองไกล ฉลาดและร่วมใจกันคิด แน่นอน คิดไปทะเลาะกันไปก็มี ก็ได้ความคิดและความหวังออกมาดังนี้ คือ ประเทศที่ยอมจะรับเรา และยอมและเคยเป็นศัตรูกับอังกฤษ ก็ต้องใหญ่พอฟัดพอเหวี่ยงกับอังกฤษก็คงต้องเป็นฝรั่งเศส ซึ่งมีทั้งกองทัพบกอยู่ในทวีปอเมริกา มีกองทัพเรือที่อยู่แถบทะเลคาริบเบี้ยน แต่ปัญหาว่าทำอย่างไรที่จะให้เขาเชื่อว่าพวกเขาพอจะฟัดกับอังกฤษได้ คนที่จะเชื่อและอนุญาติก็คงต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส ตอนนั้นก็อยู่ในราชการของหลุยส์ที่ 16 ที่มีเมียเป็นชาวออสเตรีย ชื่อว่า Marie Antoinette แล้วต้องเสียหัวด้วยเครื่องตัดหัวกิลโลตีนเพราะคำพูด Let them eat cake

แล้วจะส่งใครไปเป็นทูตละครับ ก็คงต้องให้ท่าน เบนจามิน แฟรงคลิน นักพูดชั้นสายฟ้าแลบ(ถ้าไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงก็ดูบนแบงค์ร้อย คนนั้นแหละครับ) แต่การจะไปพูดหว่านล้อมก็ต้องสร้างชื่อเสียงไว้ก่อน เผอิญท่านมีผลงานเรื่องนักชักว่าวสายฟ้าแลบ แล้วได้คิดการติดตั้งสายล่อฟ้า กันฟ้าผ่า จนชื่อกระฉ่อนไปถึงยุโรป รวมทั้งประเทศฝรั่งเศสด้วย

ความมีชื่อเสียงในเรื่องเล่นเอาเถิดกับมัจจุราช พอเจ้าตัวไปถึงฝรั่งเศส ชาวบ้านก็อยากมาขอดูตัวถึงที่ท่าเรือ ชาวบ้านที่ต้องรับต่างก็แปลกใจ ว่าคนโด่งดังอย่างนี้แต่งตัวแบบชาวบ้านอเมริกา ใส่หมวกขนสัตว์ เสื้อผ้าก็แบบผ้าฝ่าย รูปร่างสง่า ดูยังไงก็ไม่น่าเกรงขามเหมือนกับที่ลือกันว่าสามารถจับเอาสายฟ้าแลบมาใส่ขวด แต่กลับพบว่าเป็นคนสุภาพ ถ่อมตัว มีความรู้ดีมาก พูดภาษาฝรั่งได้ด้วย และเล่านิทานเรื่องชีวิตของคนอเมริกันให้ฟังจนทุกคนอยากไปเที่ยวอเมริกา โดยเฉพาะยูนิเวอแซล(อุ๊บ! ขอโทษ ตอนนั้นยังไม่มี ผมคิดว่าน่าจะแนะนำให้ ททท. จ้างให้ไปเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับโฆษณาชวนเชื่อไปเที่ยวเมืองไทยเดือนละหน ดีกว่าจะเอาตั๋วไปแจกฟรีให้นักข่าวที่ไม่เอาไหนหลายคนไปเที่ยวฟรีหรือไปธุระส่วนตัว จนชาวบ้านชาวเมืองที่กรุงปารีสอยากจะรู้จัก แล้วก็เกิดบูชาในบุคคลคนนี้มาก โดยเฉพาะผู้หญิงแม่หม้าย พลอยคิดว่านาย เบนจามินนี่คงมีแรงอำนาจพิเศษในตัว แม้กระทั่ง  Marie  Antoinette ยังเรียกตัวไปเข้าเฝ้าเลยเป็นส่วนพระองค์เลย เรียกว่านายเบนจามินไปใช้หลักการทูตอย่างยอดเยี่ยมทีเดียว ดังถึงขนาดนี้ทีเดียว

                                                                                      แต่การที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็คงไม่ง่าย เพราะพระองค์ยังไม่ยอมจะเสียเวลาและเงินทองไปทุ่มให้เมืองขึ้นที่มีหวังจะถูกอังกฤษขยี้จนแบนติดดิน เลยต้องรอ แล้ววันหนึ่งก็ได้ข่าวดีจนได้ คือทหารอเมริกันรบชนะทหารอังกฤษที่เมือง ซาลาโตก้า Saratoga รัฐเวอร์มันต์ วันที่ 17 ตุลาคม 1777 และจับทหารอังกฤษสด ๆ ตั้งห้าพันคน (ดูรูป นายพลเบอร์กอยยอมแพ้แก่ทหารอเมริกัน) พอข่าวนี้เข้าถึงในพระราชวังแวร์ซาย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1777 (เรือใบมันวิ่งช้าครับ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหก เลยได้พระราชทานอนุญาติให้นายเบนของเราเข้าเฝ้า เพื่อเจรจาช่วยเหลือ โดยสัญญาจะส่งทหารบกเจ็ดพันคน เรือรบอีกสี่สิบสองลำจากทางเกาะแถวทะเลคาริบเบี้ยนมาช่วยรบ

 จะไม่เล่าเรื่องชัยชนะที่เมืองซาราโตก้าก็ไม่ได้ เดี๋ยวผมจะอกแตกตายเสียก่อน เรื่องมันเกิดจากการวางแผนรบแบบเฮงซวยของนายพล Sir William Howe ซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพภาคพื้นอเมริกา ความคิดที่จะตัดเมืองขึ้นทางเหนือออกจากทางใต้ เป็นสองภาค ทางเหนือซึ่งเรียกว่า New England อันประกอบด้วยรัฐ Maine, New Hampshire, Vermont, Massachusetts, Connecticut และ Rhode Island.(ตอนนั้นรัฐ Maine & Vermont ยังไม่เป็นเมืองรัฐ ขึ้นกับเขา แต่อยู่ในอาณัติของ Massachusetts) ก็จะอยู่ในกำมือง่าย ๆ โดยส่งทหารอังกฤษให้ล่องเรือมาทางด้านคานาดา ลงมาทางแม่น้ำ แล้วต่อมาเดินผ่านป่าลึกมาทาง Hudson Valley จากนั้นก็เข้ามาที่เมืองอัลบานี่ซึ่งนายพล เฮานัดหมายจะรอรับอยู่ ระหว่างทางก็ให้ตั้งป้อมคอยดักทหารอเมริกัน ไม่ให้มารวมตัวกัน จากนั้นสองกองทัพใหญ่ก็จะได้ร่วมกันบุกลงใต้ตัดการติดต่อของทางเหนือและทางใต้ออกจากัน ดู ๆ ก็เป็นแผนที่แนบเนียนมาก

นายพลที่จะนำล่องจากเหนือนี่ชื่อว่า นายพล John Burgoyne อ่านว่า จอห์น เบอร์กอยน์ เป็นนายทหารหนุ่มเจ้าสำราญ เป็นลูกนัมเบอร์ที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของลอรด ชื่อเดียวกันนี่

ระบบอังกฤษนี่ เมื่อพ่อที่มีบรรดาศักดิ์ Nobility (มี บารอน Baron  เคานต์ Count มาควิส Marquis และคุ๊ก Duke) หลังตาย เขาจะยกยศบรรดาศักดิ์  และสมบัติให้ลูกชายคนโตทั้งหมด แล้วให้อยู่บ้านหรือวัง คอยเฝ้าสมบัติเอาไว้ อ้ายนาย เบอรกอยน์นี่ลูกนัมเบอร์ที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้เลยอดสมบัติและยศ แต่ดีว่าได้รับการศึกษาพอสมควร พูดเก่ง รูปหล่อ เจ้าสำราญและเจ้าชู้มาก แถมเป็นนักการพนันมือหนึ่งด้วย จึงรู้จักคนเยอะ เลยได้งานทำกับผู้แทนคนหนึ่งของสภาอังกฤษ โดยผ่านการติดต่อของอีตัวที่หลงเสน่ห์ของตาหนุ่มนี่ ต่อมาก็เลยขอมาเสี่ยงภัยหาโชคลาภที่อเมริกา ปะเหมาะรบชนะกลับมาก็จะได้ยศบรรดาศักดิ์ และทรัพย์สมบัติที่ดินอีกด้วย ก็เลยได้ยศเป็นนายพลผู้นำทหารช่วยการรบกับนายพลฮาว

เมื่อได้รับคำสั่งจากนายพลฮาว ก็ยกทัพลงเรือมาเกือบ เจ็ดพันคน มีเสบียงทุกอย่าง อีตัวก็มาด้วยหลายคน ทั้งนี้ต้องขนหีบห่อเสื้อผ้าต่าง ๆ มาด้วย เหล้าและไวน์เป็นหีบ ๆ อาหารชั้นดีบรรจุกล่องมาด้วย นอกนี้ยังอนุญาติให้นายทหารนำเมียมาด้วย ไอ้เจ้าเล่ห์ที่ให้นายทหารนำเมียมาด้วยก็เพราะชอบเมียนายทหารหลายคนอยู่ จะได้แอบขอนอนด้วยตอนผัวเขาไปอยู่ที่ทัพหน้า ต้องเรียกว่ามาปิคนิคเสียมากกว่ามารบ การเดินทางล่องตามน้ำเมื่อสุดทางแม่น้ำ ก็ลงจากเรือ ต่อไปก็ต้องขนลำเลียงสัมภาระกันด้วยเกวียนแล้วก็เดินท้าวกันละ  ข้าวของมากมาย อย่างที่บรรยายไว้ ต่อไปก็ต้องบุกป่าลึก โดยการนำของอินเดียนแดงท้องถิ่น ตามการคาดคะเนระยะทางจากที่ลงจากเรือ แล้วเดินบุกป่า ถ้าเดินกันตรง ๆ ก็คงเดินไม่กี่อาทิตย์ก็ถึงเมืองอัลบานี่(รัฐนิวยอร์ค) แต่ลืมดูวันเดือนปีไป เพราะไม่ดูดวงอย่างนาย ก.ของเรา ช่วงนี้มันเป็นหน้าฝนราว ๆ สิงหาคมถึงเดือนตุลาคม ปีนั้นเกิดฝนตกหนัก ทางป่าที่จะผ่านก็เลยเป็นแอ่งน้ำต้องตัดป่าอ้อมอยู่หลายสิบแห่ง

นอกจากเจอธรรมชาติที่ไม่อำนวยการเดินทัพแล้ว ยังเจอชาวบ้านที่อยู่ในป่าคอยขัดขวางโดยตัดต้นไม้ลำใหญ่ขวางทางเอาไว้ ทหารอังกฤษไม่ถูกกับน้ำท่าที่นี่ก็ป่วยด้วยโรคท้องล่วง และไข้ป่ากันเป็นแถว ต้องพักการเดินทางเสียหลายหน คนก็มากเสบียงอาหารก็ร่อยหรอลงเรื่อย ทหารที่เมืองอัลบานี่ที่สัญญาจะนำทัพและเสบียงอาหารมาเจอกันก็ไม่โผล่มาเลยสักคน ก็จะมีใครมาละครับ

เนื่องเพราะ นายพลฮาวที่นัดแนะมาเจอกัน ก่อนหน้าสองสามเดือน เกิดบ้าบอนึกถึงอีตัว Mistress เนื้อนิ่มที่ฟิลาเดลเฟีย อยู่ ๆ เลยถอนทัพออกจากอัลบานี่ไปบุกเมืองฟิลาเดลเฟียเสียดื้อ ๆ กะว่าเมื่อบุกเมืองฟิลาเดลยเฟียได้สักสองสามอาทิตย์ พอรับอีตัวได้แล้ว จะรีบกลับมาที่เมืองอัลบานี่ที่นัดแนะไว้ พอบุกเอาเมืองฟิลาเดลเฟียได้ อีหนูเกิดไม่ยอมให้นายพลฮาวกลับเมืองอัลบานี่เสียชิบ เรื่องอะไร ฉันยอมเป็นอีหนูให้แล้วยังจะเอาฉันไปอยู่เมืองป่าเมืองดอยให้มันลำบาก ไม่มีทาง โถ อีหนูช่างน่ารัก อยู่ก็อยู่ละวะ ทางเมืองอัลบานี ให้นายพลเบอร์กอย ไปบุกเอาเองก็แล้วกัน

นายพลเบอร์กอยไม่เคยคิดจะเจอปัญหาผู้ใหญ่โลเลอย่างนี้ โกหกตอนเช้า ลืมตอนบ่าย กะคิดจะมาเที่ยวปิคนิคอย่างสบาย ๆ  เมื่อเสบียงอาหารหมด เลยให้กองพันหน่วยหนึ่งออกหาเสบียงจากชาวบ้านแถว ๆ เมือง เบนนิงตันในรัฐเวอร์มอนต์ Vermont  กองพันที่ส่งออกมานี่แทนที่จะได้เสบียงอาหารกลับไปเจอชาวบ้านนอกพวกที่เรียกว่าอาสาสมัครฉุกเฉิน Minutemen ตั้งรับด้วยปืนยาวอยู่ตามทาง กองพันทหารชุดนั้นเกิดเป็นทหารต่างชาติเยอรมัน พูดกันกับชาวบ้านไม่รู้เรื่องแถมชาวบ้านเกิดเกลียดกลัวทหารเยอรมัน เพราะเคยได้ยินถึงความโหดร้ายของทหารต่างชาติพวกนี้ เลยถูกชาวบ้านระดมยิงตายไปมาก ต้องล่าถอยกลับไป ทหารอังกฤษ ทั้งหลงทางทั้งขาดอาหารทั้งเจ็บป่วยกันมากมาย แล้วยังถูกทหารประจำการของอเมริกานำโดยนายพล Horatio Gates ก่อกวนอีกหลายครั้ง และก็รบแพ้เขาด้วย หลบหนีกันจนหมดแรง ทหารอังกฤษที่เกรียงไกร ห้าพันเลยต้องชักธงขาวยอมแพ้ที่ตำบล Saratoga ซาราโตก้า ที่รัฐเวอร์มันต์ในที่สุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1777

 

            กลับไปตอนที่ 1                                                                                    อ่านต่อ ตอนที่ 3          

          

หมายเหตุ : ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของบทความนี้ เป็นของผู้เขียนบทความแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านที่สนใจจะนำบทความนี้ ไปเผยแพร่ สามารถติดต่อได้ที่ info@cualumni.us             

                                                       

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2007 Chulalongkorn University Alumni Association of California