สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ในเครือสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์

                             ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

 
 

                                                สุราก็แปลว่าเหล้า

                                                                                      ตอนที่ 4

                                                                                                  .พ. สุวัฒน์ สุวรรณวานิช

          

โรคสุราเรื้อราง Chronic Alcoholism

          สุรานี่นับว่าเป็นทั้งยาพิษและยาเสพติดที่ถูกต้องตามกฏหมาย และเป็นอาหารเสริม(ให้ตายเร็ว) ที่นิยมดื่มกันทั่วโลก พิษของมันจะค่อยๆ เกิดขึ้น มันจะเผาผลาญตั้งแต่หยดแรกที่เข้าคอเลยทีเดียว ลงไปสู่ท่ออาหาร กระเพาะ ลำไส้ ตับ ไต ตับอ่อน หัวใจ สมอง กล้ามเนื้อ และกระดูก (เพราะเกิดอุบัติเหตุ ถูกรถชนหรือตกกระไดแขนขาหัก) ตาบอด ปอดเสีย กระอักเลือด เพราะดื่มสุราผิดอย่าง

          Pathology คนไทยต้องอ่านว่า ปาโถโลจี ฟังแล้วจักจี้ดี แต่ผมก็ถูกสอนให้อ่านอย่างนี้แหละครับ มันแปลว่าอาการโรคที่แสดงในอวัยวะภายใน ตอนผ่าศพดู ส่วนอาการที่คนไข้แสดงออกเขาเรียกว่า signs เช่นมือไม้สั่น พูดจาไม่ชัด เดินไม่ตรง ความจำเสื่อม อาการพวกนี้แสดงออกตอนมีชีวิต.

          ขั้นตอนจากพิษสุราก็คงต้องแบ่งเป็นสองภาค คือภาคตอนกินใหม่ ๆ และกินจนเป็นโรคสุราเรื้องรัง และเป็นพิษตอนถอนหรืออดสุรา-ซึ่งผมชอบเรียกว่าลงแดง มันไม่ถูกต้อง คำนี้มันสำหรับคนอดฝิ่นเสียมากกว่า ผมน่าจะเรียกตามภาษาฝรั่งเขาว่า Cold Turkey คงแปลว่า โรคไก่งวงเย็น ฟังแล้วยิ่งอยากกินเหล้ามากขึ้น คงต้องเรียกว่าโรคอดสุราเสียดีกว่า

          อาการเมาเหล้ามักจะไม่ค่อยมีในสมัยก่อน คือก่อนที่จะคิดค้นวิธีกลั่นเหล้า เพราะเหล้าสมัยก่อนคงมีดีกรีแค่ 14 % เป็นอย่างเก่ง จนมหาวิทยาลัยแพทย์ที่เมือง เซราโน่ ประเทศอิตาลีในสมัยศตวรรษที่สิบสี่เขาค้นพบวิธีกลั่นเหล้าให้รุนแรงจนถึง 50% เลยทำให้คนเมาเหล้าและกลายเป็นขี้เหล้าเมาสุรากันมากขึ้น ดังนั้นก็จงโทษพวกหมอในสมัยก่อนเถิดครับ ที่อุตริค้นวิธีมอมเมาคนขึ้นมา

          พยายามอ่านและเข้าใจเรื่องที่ผมจะเล่านี้ จะได้ไม่เสียดายที่ผมอุตส่าห์หลอกล่อให้อ่านมาถึงตอนนี้ มันอาจจะยากหน่อยตามภาษาหมอของผม

          เมื่อสุราผ่านเข้าปากแล้วไหลตามหลอดอาหาร ลงสู่กระเพาะแล้ว ก็ต้องผ่านเข้าลำไส้ซี่ครับ มันจะถูกดูดซึมที่ในลำไส้เล็กนี่แหละเป็นส่วนใหญ่ก่อนที่จะเข้าไปในเลือด ที่จะเหลือให้ลำไส้ใหญ่คงไม่ได้แอ้มละครับ อย่าเข้าใจผิด เหล้าถูกดูดซึมในกระเพาะเพียงนิดเดียวเท่านั้น ระดับเหล้าจะขึ้นสูงสุดในเลือดก็ราว ๆ 30-90 นาที ซึ่งแล้วแต่ว่าจะมีอาหารในท้องมารบกวนหรือเปล่า เพราะแอลกอฮอล์นี่มันละลายได้ในน้ำอย่างกลมกลืน ที่ไหนมีน้ำผ่านไปได้มันก็ขอติดตามไปด้วย มันจะไปตามทุกส่วนของร่างกาย

มันจะถูกทำลายโดยการเปลี่ยนรูปที่ ตับ โดยสารย่อยทำลายหลายตัว ตัวแรกอ่านว่า  ADH ตัวนี้มีในทุกคนที่เริ่มหัดดื่ม เพราะตอนนั้นร่างากายเรายังไม่รู้จักฤทธิ์ของสุรา คือว่ายังเป็นพรหมจรรย์อยู่ ร่างกายก็เลยเอาอะไรต่ออะไรช่วยกันผสมจนสามารถทำลายสุราได้ รวมทั้ง ADH นี่ด้วยแต่ในคนที่กินเหล้าจนเป็นนักสุราบาลแล้ว พระเจ้าจะประทานของวิเศษมาให้ เรียกว่า NADPH-cytochrome P-450 reductase ในตับและจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย เพื่อจะทำลายสุราลงให้กลายเป็น Acetaldehyde ซึ่งก็เป็นสารพิษเหมือนกันที่ต้องถูกกำจัดในขั้นต่อไป

 เพราะอ้ายตัวห้า ร้อย เอ้ย ไม่ใช่ P-450 นี่แหละที่อธิบายได้ว่าทำไมคนจำพวกสุราบาลนี่ถึงดื่มเหล้าเก่งกว่าคนที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน (ผมก็ไม่รู้เขาเรียกว่าสุราบาลหรือเปล่า แต่คงจะถูกต้องละครับ เพราะผู้ชำนาญการรักษาก็เรียกว่าพยาบาล คนที่เชี่ยวชาญเรื่องวัวควายก็เรียกว่าโคบาล ถ้าผู้ชำนาญการพิชิตสุราก็คงต้องเป็นสุราบาลเป็นแน่) พวกดื่มเก่งพวกนี้นอกจากดื่มได้มากโดยร่างกายคอยกำจัดเหล้าให้เร็วยิ่งขึ้น แถมความอยากต่อความรุนแรงของเหล้าก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเรียกว่า Tolerance หรือแปลว่าสมองชักดื้อต่อเหล้าดีกรีอ่อน ๆ คือต้องฟาดมันมากขึ้นถึงจะสมความเงี่ยนของสมอง แถมพระเจ้าก็ส่งของวิเศษคอยกำจัดให้เร็วขึ้น ผลก็คือต้องดื่มให้มากขึ้นกว่าครั้งก่อนถึงจะสมใจ จากหนึ่งจอกเมื่อสองสามเดือนที่แล้ว มาเดี๋ยวนี้อาตี๋อีเก่ง อีตอกเข้าไปเป็นกั๊ก หรือหนึ่งส่วนสี่ขวด อีกหกเดือนข้างหน้าลื้อดูซี่ อั๊วจะให้อาตี๋ฟาดทีละขวดเลย

          เอาละครับพักผ่อนสมองได้แล้วครับ ต่อไปนี้เรื่องง่ายเหมือนกินกล้วยปิ้ง ตอนเผาสุกใหม่ ๆ เมื่อสุราถูกทำลายครั้งแรกก็กลายเป็น Acetyldehyde อะเซทิ้วดีไฮด์ โดยอาศัย ADH Alcohol Dehydrogenase พระเจ้าตอนนี้ลำเอียงเข้าข้างแก่คนเอเชีย คือของพวกเราเป็นแบบ ADH2 มันทำงานเก่งกว่าของชาวฝรั่งเกือบ 30 % ของเขา เพราะของเขาเป็นแบบ ADH1

          เมื่อเป็น Acetyldehyde  ก็ต้องถูกทำลายอีกครั้ง เพราะมันเป็นสารพิษ ต้องกำจัดออก เราก็มีน้ำยาละลายมัน หรือเรียกว่า ALDH ชื่อนี้ก็มีสองตัวคือ 1 และ 2 อย่างว่าพระเจ้าก็มีความลำเอียงอีกนั่นแหละ แต่ครานี้เข้าข้างคนขาว คือเขามีตัวเบอร์สองมากกว่า ALDH2 นี่มันจะทำลายสารพิษเสียส่วนใหญ่ พระเจ้าช่างไม่สงสารลูกช้างชาวเอเซียเลย ตัว ALDH 2 นี่ถึงได้มีน้อยในหมู่พวกเรา มีน้อยแล้วจะเป็นยังไง ก็ยังคงดื่มหัวราน้ำได้เหมือนกัน ก็เพราะ Acetyldehyde ถูกทำลายช้ามากโดยอาศัยแค่ ALDH-1 ตัวเดียว Acetyldehyde มันเลยทำพิษ ทำให้เกิดอาการ หน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุก ปวดหัว เพราะเส้นเลือดขยายตัว ตัวคัน คนชอบเป็นโรคปวดหัว ไมเกรน Migrain ก็เลยปวดหัวไม่หยุด นอกนี้ก็มีคลื่นไส้ อาเจียร เกือบทุกครั้งที่ดื่มเหล้า อันนี้พ่อแม่มันจะสั่งสอนหรือไม่ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรได้ โปรดจำไว้ว่า คนเอเชียดื่มเหล้าแล้วมีอาการแพ้มากกว่าคนขาว

          จากตัว Acetyldehyde ก็ถูก ALDH 1หรือ 2 ทำลายเป็น Acetate ตัวนี้ร่างกายเอาเข้าเครื่องเตาเผาทำเป็นพลังงานของร่างกายเราได้ กลายเป็น น้ำและแก๊ส คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้ แถมได้พลังงานด้วย คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ออกทางปอด ไม่ใช่ที่เลอเออะ ๆ หลังดื่มเบียร์ อ้ายนี่เกิดจากแก๊สหมักเบียร์ คนละอย่างกัน แถมการเผาผลาญของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ หนึ่งแกรมได้พลังงานถึง 7 แคลอรี่อีกด้วย.

          เมื่อนักสุราบาลอย่างชาวรัสเชียที่ชอบซัดวัดก้า 100 ปรู๊ฟสามจอกทีเดียว หรือพวกจีนที่ซัดเหมาไถก็คงเหมือนกัน เพราะเหล้ามันไปกัดเยื่อที่ปากและท่ออาหารอย่างทันที มันจะไปทำให้เซลล์ที่เกาะกันเป็นร่างแหป้องกันอันตรายฉีกขาดละเลาย แล้วก็ซึมลึกลงไปกัดถึงเยื่อขั้นล่าง เป็นแผลตื้น ๆ ได้ และถ้าทำแบบนี้ทุกวัน มันก็ต้องทุกวันแหละ เขาถึงเรียกว่าสุราบาล หลอดอาหารอาจตีบ และกลายเป็นมะเร็งในกาลต่อมา

          เมื่อลงกระเพาะอาหาร สุราก็จะไปทำให้เยื่อที่ป้องกัน Epithelium ถูกละลาย แถมกระตุ้นให้น้ำย่อยและน้ำกรดออกมาก มันก็กัดกระเพาะอาหารตัวเอง เพราะเครื่องป้องกันขาดกระจุยเสียแล้ว มันกัดมากขึ้นถึงพื้นที่มีเส้นเลือดอยู่ กระเพาะอาหารจะแดงฉาน เส้นเลือดพร้อมที่จะแตก Acute Alcoholic Hemorrhagic Gastritis นี่แหละตอนรับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัย หลังน้องใหม่ถูกมอมเหล้าก็อาจจะมีหลายคนที่กะอักเลือดออกมา ถ้าอาเจียนออกมามาก ขนาดเต็มกระโถน อาจขาดเลือดมากเสียชีวิตได้เหมือนกัน

          เมื่อสุราลงไปถึงลำไส้เล็กก็ถูกดูดซึมอย่างเร็ว นอกเสียจากมีอาหารอยู่ด้วยคอยกันท่า เมื่อเข้าร่างกายหรือเลือดแล้วก็ไม่มีอะไรจะมายับยั้งมันได้ละ เพราะมันกินตามน้ำ คือไปกับน้ำกับเลือดนะครับ ไปที่สมอง เส้นประสาท กล้ามเนื้อ สุรานี่มันร้ายกาจมาก เพราะมันสามารถละลายและสมานเข้ากับไขมัน มันเข้าไปจับเกาะติดไขมัน Fatty Acid ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นประสาทและตัวเซลล์ของสมอง Neuronal Membrane Lipids ทำให้การทำงานของประสาทเสียไป หรือสมองก็มึนชาไป ที่ค้นพบสำคัญที่สุดคือมันไปรบกวนสารที่มีส่วนยับยั้งสมองที่เรียกว่า GAMA ทำให้สมองไม่มีอะไรมายับยั้ง เลยทำอะไรบ้า ๆ เหมือนอย่างสัตว์เดระฉานได้.เพราะทำให้ไม่ต้องคิดถึงขนบธรรมเนียม ศีลธรรม หรือกฎหมาย เขาเรียกว่า Freedom of Disasters

                                                             

                      กลับไปตอนที่ 3                                                                        อ่านต่อ ตอนที่ 5

                                                                          

                     ABOUT US  |  EVENTS  |  NEWS  |  ALUMNI BOARD  |  WEBBOARD  |  CONTACT US

                          Copyright 2005 Chulalongkorn University Alumni Association of California